เมื่อพูดถึงมือถือค่ายอินดี้อย่าง One plus หลายได้ คนอาจจะส่ายหัวไม่รู้จัก แต่เอาจริงๆ แล้วค่ายนี้เป็นค่ายที่เก่งแอบชอบมาตั้งแต่รุ่นแรกที่เขาเปิดตัวเลยเพราะสเปคอัดมาให้แน่นมากในราคาที่น่าคบหาสุดๆ พร้อมสโลแกน ‘Flagship Killer’ (ช่วงนั้นแบรนด์จีนยังไม่เข้ามาทำตลาดอ่านะ) แถมช่วงแรกเขาเปิดตัวมาแปลก ดูเข้าถึงยาก ใครอยากซื้อต้องมี invitation เท่านั้น! และนั่นหละ ทำให้เรายิ่งอยากได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเก่งกับค่ายนี้ ผ่านไปหลายปีก็ได้โอกาสดีเวียนกลับมาลองใข้ใหม่เพราะสะดุดใจกับเจ้า One Plus 5T สีขาว sand stone white เลยสอยมาใช้และขอมารีวิวหลังการใช้งานซะเยย

 

เรามาแกะกล่องแบบไวๆ กันก่อนเนาะ สำหรับเจ้าตัวนี้สิ่งที่มีมาให้ก็จะมีสายชาร์จ type C , อะแดปเตอร์ที่ให้มาแบบ 5V 4A เลย , เข็มจิ้มซิมอารมณ์ดี(เหมือนนางยิ้มให้ตลอดเวลา!!) , เคสใสที่วัสดุดี มุมสี่มุมด้านข้างหน้าสูงขึ้นกว่าขอบอื่นๆ เล็กน้อยกันตอนตกแบบหน้าจอคว่ำลง , คู่มือการใช้งาน และ สติ๊กเกอร์เพื่อเสริมความเป็นแฟนพันธุ์แท้! ส่วนตัวเครื่องนี่เขาติดฟิล์มกันรอยมาให้เรียบร้อยสวยงามแถมเป็นฟิล์มแบบไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วย คือดีย์!!

เอาจริงๆ ตัวเครื่องสัมผัสดีอ่ะ แบบน้ำหนัก ขนาดตัวเครื่อง ความโค้งมน ความบางคือมันพอดีมือมาก! มากๆ จับแล้วฟีลลิ่งดีเลย เป็นมือถือจอ 6นิ้วที่ถือได้ง่าย เข้ามือมาก งานประกอบก็มาดี๊ดี <3

ส่วนด้านหลังที่บอกว่า sandstone ตอนแรกเก่งคิดไว้ว่าจะหยาบๆ มี texture มากกว่านี้ (เหมือน sand stone ของ One plus One อ่ะ) แต่ว่าผิดคาดฟีลลิ่งอันนี้สากนิดๆ ออกแนวเหมือนกระดาษแข็งมากกว่า ซึ่ง texture แบบนี้บวกกับความสีขาวของนางด้วยเลยทำให้เวลาเลอะอะไรจะเห็นชัดมาก ตอนแรกนอยด์มากแต่ว่ายังดีที่คลีนได้ไม่ยากเย็นนัก (แต่เพื่อความมั่นใจเราใส่เคสค่ะ 55)

จุดเด่นอื่นๆ ของเจ้าเครื่องนี้ก็คือ!!! แจ็ค 3.5ยังอยู่นะจ๊ะ!! ส่วนช่องใส่ซิมอันนี้เป็นแบบ 2ซิม ไม่ต้องเลือกระหว่างซิมกับเม็มโมรี่การ์ดให้ลำบากใจแต่อย่างใดเลย! เพราะมันเพิ่มเม็มไม่ได้! #จบเนาะ ดังนั้นก่อนซื้อเลือกความตุให้ดีๆ ก่อน แต่สำหรับเก่ง ไม่ต้องเลือกเพราะสีขาว sand stone มีแค่รุ่น แรม 8GB หน่วยความจำภายใจ 128GB เท่านั้น!

อีกอย่างที่ชอบคือตัว alert slider นี่หละ ใช้เลื่อนเพื่อปรับโหมดเครื่องว่าจะใช้โปรไฟล์เสียงแบบไหน เสียงเรียกปกติ, เจ้า do not disturb mode หรือ silent mode รุ่นนี้สีขาวมาพร้อม sliderสีแดง ตัดกันฝุด สวยเผ็จมาก ซึ่ง overall แล้วรูปลักษณ์ทั้งหมดจะเหมือนกันตัว star wars edition เลยค่ะ เพียงแค่ไม่มีโลโก้ (ซึ่งส่วนตัวคิดว่าสวยกว่า) กับเคสไคโร เลน และราคาถูกกว่าด้วย! ?

สำหรับเรื่องของสเปคค่ายนี้ไม่เคยให้มาน้อยอยู่แล้ว เพราะเขาทำปีละรุ่น มันคือเรือธงของค่าย อัดมาให้ทั้ง Snapdragon 835, Adreno 540 , แรมจะมี 6GB สำหรับรุ่นความจุ  64GB  และ 8 GB สำหรับรุ่นความจุ 128 GB แต่จะติดตรงเรื่องของหน้าจอที่หลายๆ คนอาจจะยังบ่นว่าทำไมแค่ FullHD+ เอง แต่อันนี้เก่งว่าไม่ติดนะหน้าจอทำออกมาได้ดีเลย

สิ่งที่เก่งชอบมาตลอดของค่ายนี้คือเรื่องของ UI เจ้า OxygenOS ทำออกมาได้ดีในทุกๆ รุ่นอยู่แล้ว มันมีความคลีน ความเพียวสูง อัพเดทรวดเร็ว แต่ว่าขณะเดียวกันก็มีการใส่ฟีเจอร์หรือลูกเล่นต่างไป ไว้เป็นกิมมิคให้เราเลือกปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานได้ในหลายๆ ส่วน อย่างการเลือกฟีเจอร์ปุ่ม navigation bar ว่าถ้ากดค้างจะทำหน้าที่เสริมแบบไหน กดสองทีจะยังไง, วาดหน้าจอแบบนี้เปิดแอปอะไร ไปยันการปรับสีหน้าจอโทนที่ชอบ

ส่วนเรื่องของการปลดล็อคหน้าจอนอกจากการใส่พินการสแกนลายนิ้วมือแล้วอีกอย่างที่มีมาให้คือการปลดล็อคด้วยหน้า ซึ่งอันนี้จะใช้การสแกนใบหน้า 100จุด คล้ายๆ กับใน iPhone X ค่ะ ซึ่งก็สามารถปลดล็อคได้รวดเร็วดีไม่มีปัญหาแม้ในสภาพแสงน้อย

อ้อๆ แต่ถ้าแสงน้อยจริงๆ ฟีลแบบสภาพห้องนอนก่อนจะหลับดับไฟไปหมดแล้วอันนี้ไม่รอดแล้วแนะนำให้เปิดโหมด assistive lighting ไว้นะ เวลาสแกนหน้าปุ๊บมันจะขึ้นแสงสว่างที่หน้าจอมาช่วยในการสแกน จะได้ไม่มีปัญหาทุกสภาพแสงนาจา

การใข้งานโดยรวมนั้นลื่นไหลไร้รอยต่อทอเต็มผืน #ผิด! คือตั้งแต่ใช้งานมาไม่มีอะไรขัดใจเก่งเลย ส่วนแบตเตอรี่ความจุ 3,300 mAh ก็ใข้ได้ยาวๆ แบบไม่ต้องมีการชาร์จระหว่างวัน screen on time ราว 7ชม. พร้อมโหมด battery saver เหมาะมากกับคนออกบ้านเข้ากลับบ้านดึกแบบเรา ส่วนเรื่องการชาร์จก็ไวหายห่วงด้วย Dash Charge เสียบครึ่งชั่วโมงรับไปเลย 60% <3 .. แต่ด้วยความที่ wall charge ได้เร็วกว่านางเลยไม่ใส่ฟีเจอร์ชาร์ไร้สายมาให้ .. จ๊ะ =.=”

เรื่องกล้องไม่พูดถึงไม่ได้ ขอเริ่มที่กล้องหน้าก่อนเนาะ กล้องหน้า 16ล้านพิกเซล ค่า f/2.0 ถือว่าทำได้ดีเลย ไม่ว่าจะที่แสงปกติ ย้อนแสง หรือแสงน้อย หรือแสงน้อยยน้อยสุดๆ ก็ยังรอด มาพร้อมๆที่มาช่วยเกลี่ยสีผิวให้เลือเนียนได้ 8ระดับ (ส่วนตัวเปิดไว้กลางๆ จะกำลังดี) โดยรวมถือว่าประทับใจ ยิ่งมาจาก Pixel 2XLใหม่ๆ ยิ่งอินเลย 5555

ส่วนกล้องหลังมาเป็นกล้องคู่ความละเอียด 16ล้านพิกเซล f/1.7 และ 20 ล้านพิกเซล  f/1.7 ซึ่งในรุ่นนี้โดนปรับให้เลนส์ที่สองเป็นเลนส์ low light สำหรับถ่ายที่แสงน้อยแทนเลนส์ tele แบบตัว One Plus 5 แต่ว่ายังมีปุ่มให้กดซูมบนหน้าจอแบบดิจิตอลซูมให้อยู่ และยังมีโหมด portrait มาให้ ซึ่งอันนี้จะเป็นการใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยในการทำหน้าชัดหลังเบลอแบบเดียวกับ Pixel 2 พร้อมมีโหมดโปรให้ใช้งานซึ่งในโหมดนี้นอกจากจะปรับได้เยอะแล้วยังสามารถถ่ายภาพแบบ RAW เพื่อเอาไปแต่งต่อได้ด้วยนาจา

แต่โดยรวมในส่วนของโหมดออโต้กล้องหลังเท่าที่เก่งลองเล่นมายังไม่ได้ประทับใจขนาดนั้น คือถ้าโดยรวมๆ ถ่ายโพสโซเชียลไม่มีปัญหา แต่ถ้าดูใกล้ๆ รายละเอียดภาพจะไม่คมชัดเท่าที่ควร เจอคอนทราสที่ใส่มาให้ค่อนข้างสูงถ้ายิ่งเป็นภาพคนจะเห็นได้ชัดเลย ส่วนถ้ามีฟีลเป็นการถ่ายแสงและเงาอันนี้ยังดูที่ผิวจะเห็นชัดเลยว่าจะเป็นชั้นๆ ด้านภาพกลางคืนจะมีการเกลี่ยจนรายละเอียดหายไปแต่กลับยังคงมี noise อยู่ด้วย โดยรวมแล้วเก่งไม่ได้อินกับกล้องของเจ้า OnePlus 5T … เอาจริงๆ จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นอย่างเดียวเลยที่เก่งไม่อิน … แต่! เราไม่ได้รีวิวคนเดียวเพราะงานนี้เราเลยไปอัญเชิญพี่โบ Etabo ช่างภาพอิสระมาร่วมเทสกล้องด้วยกันซึ่งผลออกมาก็เป็นไปในแนวเดียวๆ กัน .. อ่ะ ไปฟังจากปากพี่โบเอาเองดีกว่าเนาะ

โดยรวมแล้วสำหรับเก่ง One Plus 5T เป็นมือถือที่สวย จับถือถนัดมือ คุ้มค่าด้านสเปค การใช้งานโดยรวมดี มีลูกเล่นพอตัว ไม่มีงอแงใดๆ ในด้านการใช้งาน แต่สิ่งที่เก่งว่ามันยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรคือเรื่องของกล้องหลังนี่หละ อ้อ อีกอย่างที่หลายๆ คนอาจจะสงสัยเรื่องประกัน รุ่นนี้ในบ้านเราจะมีแต่เครื่องหิ้วนะคะ ประกันจะเป็นประกันร้านตามที่ซื้อมานะจ๊ะ :]